หายใจไม่ทั่วท้อง…เมื่อกรุงเทพฯ เหลือพื้นที่สีเขียวแค่ 7.8 ตร.ม. ต่อคน ลองนึกภาพ เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า รถราแออัด เสียงแตรดังสนั่น อากาศร้อนอบอ้าว และควันพิษคลุ้งไปทั่ว ฟังดูแล้วอึดอัดใช่ไหม นั่นแหละคือสภาพของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญกับ “ภาวะวิกฤตพื้นที่สีเขียว” อย่างหนัก บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสถานการณ์พื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ อย่างละเอียด พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบ และนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อร่วมกันสร้างเมืองที่น่าอยู่ ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับคนรุ่นเรา และคนรุ่นต่อไป
ภาวะวิกฤตพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ ปัญหาเร่งด่วนที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
ในเวลานี้สภาวการณ์ที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร โดยพบว่าปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีพื้นที่สีเขียวเฉลี่ยเพียง 7.8 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ที่ 9 ตารางเมตรต่อคน อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับมหานครอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียด้วยกันเช่น โตเกียว (38 ตร.ม./คน), สิงคโปร์ (66 ตร.ม./คน) กรุงเทพมหานครยังมีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวอยู่ในระดับต่ำที่สุด โดยคิดเป็นเพียง 2.7% ของพื้นที่ทั้งหมด
เปรียบเทียบพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่ของเอเชีย
เมือง |
พื้นที่สีเขียว (ตร.ม./คน)
|
โตเกียว | 38 |
ฮ่องกง | 105.3 |
สิงคโปร์ | 66 |
เดลี | 18.8 |
กัวลาลัมเปอร์ | 13 |
ปักกิ่ง | 17 |
กรุงเทพฯ | 7.8 |
ภาวะเช่นนี้ก่อให้เกิดความท้าทายต่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชากรในเขตเมือง ดังนี้
- ด้านสิ่งแวดล้อม: พื้นที่สีเขียวเปรียบเสมือนปอดของเมือง ทำหน้าที่สำคัญในการดูดซับมลพิษ ฟอกอากาศ ลดอุณหภูมิ และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนพื้นที่สีเขียวส่งผลให้กรุงเทพมหานครต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง PM2.5 และสภาวะอากาศร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
- ด้านสุขภาพ: พื้นที่สีเขียวมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาวะทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ การออกกำลังกาย การลดความเครียด และการสร้างเสริมปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การมีพื้นที่สีเขียวไม่เพียงพอย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และภาวะซึมเศร้า
- ด้านเศรษฐกิจ: พื้นที่สีเขียวช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่เมือง ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างโอกาสในการจ้างงาน และยกระดับภาพลักษณ์ของเมือง การพัฒนาเมืองที่มิได้ให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
แม้ว่ากรุงเทพมหานครจะมีความพยายามในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวผ่านโครงการต่างๆ เช่น การจัดสร้างสวนสาธารณะ สวนหย่อม และการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงจำนวนประชากรแฝง ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนพื้นที่สีเขียวต่อคนลดลง
แนวทางการแก้ปัญหาเพื่อความยั่งยืน
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จำเป็นต้องมีการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานเชิงนโยบายในระยะยาว เช่น
- การวางผังเมือง: กำหนดสัดส่วนพื้นที่สีเขียวให้เหมาะสม กระจายตัวอย่างทั่วถึง และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย ควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการบุกรุกพื้นที่สีเขียว
- การพัฒนาพื้นที่สีเขียว: ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในรูปแบบใหม่ๆ เช่น สวนแนวตั้ง สวนลอยฟ้า สวนสาธารณะขนาดเล็ก (Pocket Park) เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่
- การอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว: บำรุงรักษาพื้นที่สีเขียวเดิม เช่น สวนสาธารณะ ป่าในเมือง และพื้นที่ริมน้ำ ให้คงความอุดมสมบูรณ์ ฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม ให้กลับมาเป็นพื้นที่สีเขียว
- การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน: ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ในที่พักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลาง ปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานครมิใช่เพียงการปลูกต้นไม้ หากแต่เป็นการสร้างสรรค์เมืองที่น่าอยู่ ยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรในปัจจุบันและอนาคต
มุ่งสู่มหานครแห่งลมหายใจ พื้นที่สีเขียวกับความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร
จากสถานการณ์ที่นำเสนอ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการพัฒนาเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นการลดลงของพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชากร และความยั่งยืนของเมืองในระยะยาว ดังที่ได้วิเคราะห์ไว้ข้างต้น
ประเด็นปัญหาพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร มิใช่เรื่องใหม่ แต่กลับทวีความรุนแรงขึ้นตามการขยายตัวของเมือง และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการร่วมกันกำหนดนโยบาย และมาตรการที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว การอนุรักษ์พื้นที่สีเขียวเดิม และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สีเขียวอย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างจิตสำนึก และความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของพื้นที่สีเขียว นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการดูแลรักษา และเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง เช่น การปลูกต้นไม้ในที่พักอาศัย การสนับสนุนโครงการพัฒนาพื้นที่สีเขียว และการเลือกใช้บริการ หรือสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ท้ายที่สุด การพัฒนาพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร มิใช่เพียงการเพิ่มจำนวนต้นไม้ หรือพื้นที่สีเขียวในเชิงปริมาณ หากแต่ต้องคำนึงถึงคุณภาพ การกระจายตัว และการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวของประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อให้พื้นที่สีเขียว เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐาน ที่เอื้อต่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสังคม ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขอย่างแท้จริง
ขอขอบคุณต้นฉบับ https://www.amarintv.com/spotlight/sustainability/detail/69841