ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ใกล้โรงงานวินโพรเสสระยองยังเดือดร้อนหลังฝนตกทำกลิ่นเหม็นสารเคมีโชยออกมาอีกครั้งจนโรงเรียนต้องประกาศเลิกเรียนก่อนเวลาเนื่องจากหวั่นกลิ่นสารเคมีกระทบนักเรียน
สส.ระยองเผยล่าสุดหวั่นฝนตกหนักทำน้ำท่วมหลุมที่หน่วยงานรัฐขุดเพื่อตรวจสอบสารปนเปื้อน
ความคืบหน้าขนย้ายกากแคดเมียม 12,948 ตันจาก กทม.-ชลบุรี-สมุทรสาคร กลับตาก กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เผยดำเนินการแล้ว 47% คาดอาจเสร็จไม่ทันตามกำหนดเดิม 17 มิ.ย. 2567
“พบสารเคมี 3 กลุ่มปนเปื้อนดิน-น้ำ” ผลตรวจเอกอุทัย โคราช อีกหนึ่งโรงงานก่อปัญหาลักลอบทิ้งกาก
นราวิชญ์ เชาวน์ดี รายงาน
กระทรวงอุตฯ จ่อของบกลาง 570 ล้านจัดการกากสารเคมี ระยอง-อยุธยา
แหล่งข่าวจากจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยวันนี้ (6 มิ.ย. 2567) ถึงความคืบหน้าจากการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรมวานนี้ (5 มิ.ย. 2567) เกี่ยวกับการจัดการกากอุตสาหกรรมของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อ 22 เม.ย. 2567 และการจัดการขนย้ายกากอุตสาหกรรม (สารเคมี) ในจ.พระนครศรีอยุธยาทั้งในโกดังเก็บสารเคมี อ.ภาชี จากบริษัท เอกอุทัย สาขาเอกอุทัย รวมทั้งในพื้นที่อื่น ๆ ของ จ.พระนครศรีอยุธยา
“สำหรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมภายในโรงงานวินโพรเสสที่มีอยู่ประมาณ 34,000 ตัน เบื้องต้นค่าบริหารจำกัดกากอยู่ที่ตันละ 10,000 บาท รวมแล้ว 340 ล้านบาท หากรวมกับค่าบริหารจัดการ และวิเคราะห์จะต้องใช้งบประมาณ 390 ล้านบาทซึ่งงบประมาณในส่วนนี้จะต้องให้กระทรวงอุตสาหกรรม ของบประมาณกลางเข้ามาบริหารจัดการก่อนหลังจากนั้นจะต้องไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับผู้บริหารบริษัทต่อไป
ความคืบหน้าการจัดการขนย้ายกากอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเบื้องต้นคาดว่า จะต้องของบกลางประมาณ 180 ล้านบาทเพื่อเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งเมื่อจัดการเสร็จทั้งหมดแล้วจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายบริษัทให้ชดเชยต่อไป” เดลินิวส์รายงานวันนี้
สำหรับความคืบหน้าในการของบกลางเพื่อจัดการกากสารเคมีดังกล่าว รายงานข่าวจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมเปิดเผยเพิ่มเติมว่า จุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานฯ ได้นำเสนอแผนการจัดการกากของเสียในประชุมดังกล่าวแล้วซึ่ง พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ขอให้จัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนและให้มาร่วมกันหารือเพื่อวางแนวทางต่อไป
กลิ่นเหม็นกลับมาอีกครั้งหลังฝนตก สถานการณ์วินโพรเสส ระยอง
กรณีความคืบหน้าของสถานการณ์ที่บริษัท วินโพรเสส จำกัด จ.ระยอง อนันต์ ประกอบสุขเจ้าของร้านค้าหน้าโรงงานไฟไหม้ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด กล่าวกับ MGR Online ถึงสถานการณ์วานนี้ (5 มิ.ย. 2567) ว่า หลังจากเกิดเหตุฝนตกในช่วงบ่ายประกอบกับสภาพอากาศที่ปิดทำให้เกิดทำให้กลิ่นเหม็นจากสารเคมีในโรงงานพัดโชยมาทางสถานีอนามัยบ้านหนองพะวาและโรงเรียนวัดหนองพะวาอีกครั้ง
จากกลิ่นเหม็นที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดหนองพะวาได้สั่งเลิกเรียนก่อนกำหนดและแจ้งให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนมารับลูกหลานกลับบ้านเนื่องจากเกรงว่าเด็กนักเรียนอาจได้รับอันตราย
สำหรับการจัดการกากสารเคมีที่ยังกองอยู่ในบริเวณโรงงานปัจจุบันยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานรัฐว่ามีกำหนดขนย้ายเมื่อใด
“ชาวบ้านหนองพะวาอยากรู้ว่าเหตุการณ์ผ่านมานานจะ 2 เดือนแล้วทั้งน้ำเสียและอะลูมิเนียมดรอสที่อยู่ในโรงงานได้สร้างปัญหาให้ชาวบ้านอย่างหนัก สุดท้ายจะจบอย่างไรและขอฝากถึงนายกรัฐมนตรีให้ช่วยพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือชาวหนองพะวาด้วย” อนันต์ กล่าว
“ขอความชัดเจนการจัดการในพื้นที่” สส.ระยอง
ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกล ผู้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่วินโพรเสสมาอย่างต่อเนื่องเปิดเผยผ่านเฟสบุ๊กวานนี้ว่า จากเหตุฝนตกที่เกิดขึ้นทำให้น้ำท่วมหลุมที่หน่วยงานรัฐขุดเพื่อทำการตรวจสอบการปนเปื้อนภายในโรงงาน โดยแสดงความกังวลว่าหลังจากนี้ถ้าเกิดเหตุฝนตกหนักอาจจะทำให้น้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีไหลออกมานอกโรงงานได้
“กระบวนการจัดการหลุมที่ขุดนี้เป็นอย่างไร ควรจะต้องทำการกลบไว้ก่อนน้ำซึมออกหรือไม่ หรือปล่อยไว้แล้วค่อยสูบน้ำออกต่อไป อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความชัดเจนจากส่วนนี้ด้วย” ชุติพงศ์ กล่าว
สำหรับการขุดหลุมดังกล่าวกรมโรงงานอุตสากกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการขุดเมื่อ 3 มิ.ย. 2567 เพื่อตรวจสอบการปนเปื้อนสารเคมีภายในบริเวณโรงงาน โดยจากการขุดค้นพบว่ามีอะลูมิเนียมดรอสและ กากสารเคมีจำนวนมากที่ฝังกลบไม่ถูกวิธี
คาดเสร็จไม่ทันกำหนด 17 มิ.ย. ขนกากแคดเมียมกลับตาก
ด้านความคืบหน้าล่าสุดของการขนย้ายกากตะกอนแร่แคดเมียม จำนวน 12,948 ตัน กลับไปฝังกลบที่โรงกักเก็บของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด จ.ตาก กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เปิดเผยในที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรมวานนี้ ว่า ขณะนี้ได้ขนกลับไปแล้ว 47% หรือประมาณ 6,052 ตัน โดยใช้พื้นที่ในโรงพักคอยไปแล้วประมาณ 50% ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการรองรับจึงได้มีการขยายพื้นที่ออกไปอีก 1,000 ตารางเมตร โดยได้ทำการบดอัดดิน ปูด้วย HOPE และแผ่นดินเหนียวสังเคราะห์เช่นเดียวกับการดำเนินการก่อนหน้า ส่วนปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในปัจจุบันยังสามารถรับมือได้
สำหรับความพร้อมของบ่อฝังกลบอยู่ระหว่างการประเมินและตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการยอมรับและสร้างความเข้าใจในการนำกากตะกอนแร่แคดเมียมไปฝังกลบ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากปัจจุบันการขนย้ายกากแคดเมียมต้องใช้รถตู้คอนเทนเนอร์ 100% ด้วยข้อจำกัดในปริมาณรถซึ่งหากยังไม่สามารถหาจำนวนรถได้เพียงพอต่อการขนส่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการขนย้ายมากกว่ากำหนดการเดิมคือ 17 มิถุนายน ไปอีกประมาณ 10 วัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้พบกากแคดเมียมใน จ.สมุทรสาคร ประมาณ 8,407 ตัน และรวมกับแร่ที่พบที่โกดังคลองกิ่ว ชลบุรี 4,391 ตัน และพบที่บริษัท เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 150 ตัน ซึ่งรวมกากตะกอนแร่แคดเมียมที่พบทั้งหมดแล้ว 12,948 ตัน จากจำนวนที่แจ้งขนย้ายออกจากจังหวัดตากทั้งหมด 13,832 ตัน
“พบสารเคมี 3 กลุ่มปนเปื้อนดิน-น้ำ” ผลตรวจเอกอุทัย โคราช
สำหรับอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมวานนี้ (5 มิ.ย. 2567) กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมทรัพยากรน้ำบาดาลและกรมควบคุมมลพิษร่วมกันเข้าขุดค้นในพื้นที่ป่าสงวนหลังบริษัท เอกอุทัย จำกัด (สาขากลางดง) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทใช้ประกอบกิจการ ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบสารจำพวกไฮโดรคาร์บอนหลายชนิด
“จากการขุดเจาะดินพบสารเคมีอันตราย 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มปิโตรเลี่ยมไฮโดรคาร์บอนหลายตัวซึ่งพบทั้งในดินและในน้ำ จำพวก เบนซีน บิวทาไดอีน เพนเทน เบื้องต้นคาดว่ามาจากปิโตรเคมีทางภาคตะวันออก
กลุ่มสองเป็นกลุ่มตัวทำละลาย เช่น อะซิโตน ที่อาจจะมาจากอุตสาหกรรมที่ทำความสะอาดเครื่องจักร
กลุ่มสามเป็นกลุ่มสารฆ่าแมลง เช่น เมธิลโบรไมด์หรือฟอสฟีนซึ่งเป็นสารที่ใช้ในภาคการเกษตรโดยใช้เพื่อฆ่ามอดและไร
จากการตรวจสอบเบื้องต้นสารเคมีทั้ง 3 กลุ่มเป็นสารเคมีที่ไม่พบในธรรมชาติ” ธนัญชัย วรรณสุข ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผลการตรวจการปนเปื้อนในดินและน้ำกับมูลนิธิบูรณะนิเวศ
“การขุดค้นดังกล่าวสืบเนื่องมาจากปรากฎข้อเท็จจริงเพิ่มเติมโดยมีการเผยแพร่ภาพทางสื่อโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2567 เกี่ยวกับเอกอุทัย (สาขากลางดง) พบว่ามีหลุมบริเวณใต้สายพานลำเลียงหินของบริษัทฯ เพื่อใช้ลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมซึ่งหลุมดังกล่าว บริษัทฯ ได้บุกรุกและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าสงวนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้
จากการขุดลงไป 1 เมตรแรกมีกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรงพุ่งขึ้นมาเป็นกลิ่นสารอินทรีย์ระเหยง่าย (vocs) จึงเก็บตัวอย่างกากสารเคมีพร้อมกับตัวอย่างน้ำจากบ่อบาดา ไปตรวจวัดวิเคราะห์
การตรวจวัดด้วยเครื่องมือภาคสนามสำหรับตรวจวัดสารเคมีอันตรายพบไอสารเคมีปนเปื้อนปริมาณสูง เช่น acetonitrile หรือ เมธิลไซยาไนด์ ปริมาณ 2,675 ppm (Parts per million หรือ ส่วนต่อล้าน) methyl bromide หรือ เมทิลโบรไมด์ ปริมาณ 885 ppm เป็นต้น
พร้อมกับนำรถแบ็คโฮมาขุดค้นจุดที่พบว่ามีการลักลอบฝังกลบกากสารเคมีสีดำกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง ฝังที่ความลึก 6 เมตร จากพื้นดินในพื้นที่เขาน้อยด้านหลังเอกอุทัย (กลางดง) พบของเสียเป็นบริเวณกว้างจำนวนมาก จึงนำข้อมูลใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมกล่าวโทษต่อพนักงานสืบสวนสถานีตำรวจภูธรกลางดงเพื่อส่งฟ้องคดีต่อไป” รายงานข่าวกรมโรงงานฯ ระบุ